เมื่อชาวต่างชาติ ไปวัดไทยแต่ปิด แต่กลับถูกตุ๊กตุ๊กไทยหลอกไปที่นี่ เป็นความจริงที่รับไม่ได้

20:17 by


จริงๆ ผมก็เคยโพสในพันทิปนานมาแล้วละ แต่ในรอบนี้ ผมได้ข้อมูลเพิ่มมา ทั้งจากเว็บฝรั่ง และสมาชิกพันทิปหลายคน รวมคุณ Miss Sunflower ซึ่งได้ให้ข้อมูลเรื่องส่วนแบ่ง Commission ที่สามล้อหรือแท็กซี่ได้ไป

อาละ ผมจะถือโอกาสตรงนี้เล่าละกัน เกี่ยวกับการทำงานของกลุ่มคนพวกนี้

เท่าที่ผมไปอ่านมาจากหลายๆ เว็บ เกี่ยวกับ Bangkok Scam ก็ได้ข้อมูลที่ค่อนข้างจะตรงกันเกือบทุกคน

ซึ่งคนเหล่านี้ จะทำงานเป็นกลุ่มใหญ่มากๆ กระจายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วกรุงเทพ

==========

เข้าเรื่องดีกว่าๆ คร่าวๆ ก็คือ ตุ๊กๆ จะพยายามทุกวิธีเพื่อพานักท่องเที่ยวไปร้านเพชรร้านหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าดูแลโดยรัฐบาล
โดยจะบอกว่าถ้าคุณซื้อเพชร อัญมณี เครื่องประดับ ฯลฯ จากร้านนี้และนำไปขายที่ประเทศที่คุณอยู่
คุณจะทำได้กำไร 100% ทันทีจากการขาย "เพชร" ชิ้นนี้

1. ฝรั่งนักท่องเที่ยวที่แต่งตัว ใส่ขาสั้น สะพายเป้ ถือแผนที่ ทำหน้างงงวย ฯลฯ โดยเฉพาะแถววัดพระแก้ว โดนหมดครับงานนี้
โดยจะมีเจ้าคนขับตุ๊กๆ หรือเจ้าหน้าที่ปลอมๆ มาบอกด้วยความหวังดีว่า "ตอนนี้วัดพระแก้ว/โพธิ์ปิดนะครับ"
"ในวัดมีงานของพระราชวงศ์" "วันนี้เป็นวันทำบุญใหญ่ big merit day; closed for public" แถไปเรื่อยๆ ไม่จบละครับ
และก็บอกอีกว่า เดี๋ยวกลับมาใหม่ได้ตอนบ่ายๆ หรือตอนไหนก็เหอะ ฝรั่งที่ไม่รู้อะไรเลยก็เชื่อสถานเดียว

2. คราวนี้ถ้าฝรั่งเชื่อก็ติดกับดักเรียบร้อย ตุ๊กๆ ก็จะบอกว่า จะทัวร์รอบเมืองมั้ย เพราะวันนี้เป็นวันหยุดพิเศษ
เนื่องจากเป็นวันหยุด ทางการท่องเที่ยว/รัฐบาล ออกมาว่า ถ้าวันนี้ตุ๊กๆ พานักท่องเที่ยวรับส่งทัวร์วัดรอบเมือง
จะได้ค่าน้ำมันเป็นค่าตอบแทนเอ้ย มีแบบนี้ด้วยหรอ งั้นผมก็เป็นตุ๊กๆ แล้วก็รวยล้นฟ้าแล้ว (ง่ายๆ "แถ" เหมือนเดิม)
บอกเพิ่มเติมอีก ว่า จะพาไปร้านเพชรร้านหนึ่ง ซึ่งเปิดแค่หนึ่งสัปดาห์ต่อปี พร้อมกับโปรโมชั่นมากมายๆๆ โม้จริงๆ

นักท่องเที่ยวเจอแบบนี้ จะทำอะไรได้ ก็ต้องไปสิครับ โดยตุ๊กๆ บอกราคาต่ำมากๆ ราวๆ 10-20 บาท
แปลกๆ ไหมครับ 20 บาท แต่ไปทัวร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ได้เลย ไม่มีครับราคานี้แล้วไปทัวร์ได้

3. หลังจากนั้นก็เรียกว่า "โดนโกง" แล้วครับ โดยวัดแรกที่จะพาไปก็คือ วัดอินทรวิหาร ที่ตุ๊กๆ จะบอกว่าเป็น "Big Buddha"
ข้อสังเกตนะครับ ถ้าใครไปวัดอินทรวิหาร (ถนนวิสุทธิกษัตริย์) จะเห็นว่า มีตุ๊กๆ เยอะแยะมากมายจอกอยู่บริเวณวัด
ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่ตุ๊กๆ ธรรมดาแน่ๆ แต่เป็นของนักท่องเที่ยวตาฟ้าๆ ตาน้ำตาลๆ ฯลฯ ที่มาจากวัดพระแก้วปิดทั้งนั้น

พอเข้าไปถึงบริเวณ "Big Buddha" พระใหญ่แล้ว ก็จะมีหน้าม้าคนหนึ่ง (คนไทย) กำลังไหว้พระอยู่
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าใกล้ ก็จะทำเป็น ถามว่าคุณมาจากไหน พักโรงแรมอะไร มาเที่ยวกี่คืน ฯลฯ
และจะบอกว่า "เอ้อวันนี้วัดพระแก้วก็ปิดนะ และมีร้านเพชรร้านหนึ่งที่พิเศษมากๆ"
"รู้ไหม คุณนี่โชคดีมากกว่าใครๆ เลย เพราะร้านเพชรร้านนี้เปิดแค่สัปดาห์เดียวต่ออาทิตย์เท่านั้น และวันนี้เปิดเป็นวัดสุดท้าย!"
ฝรั่งก็เชื่อไปใหญ่สิครับ ทั้งตุ๊กๆ ทั้งคนนี้พูด หลอกได้แนบเนียนมากๆ

หลอกได้แม้กระทั่งฝรั่งจะถ่ายพระใหญ่ มีคนมาห้ามทันที บอกว่า "ห้ามถ่ายเพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์"
อ่าว แล้วที่ผมถ่ายพระพุทธรูปเยอะแยะตอนออกทริปที่ไหนก็ตาม ก็ไม่ได้สิ เอาเข้าไป

4. เสร็จภารกิจแล้ว ตุ๊กๆ ก็จะพาไปวัดต่อไปที่มี "Lucky Buddha" อยู่ ซึ่งคราวนี้แต่ละคนจะพาไปวัดต่างๆ กัน
แต่โดยมากประมาณ 70% จะพาไปที่วัดสีตาราม (คลองมหานาค)
รู้ไหมครับ ว่าจะเจออะไรอีก ก็แบบเดิมกับที่เจอที่ "Big Buddha" นั่นหละ เป๊ะๆ ลอกแบบมา
อาจจะมีปรับแต่งบ้าง บอกว่าร้านเพชรนั้นรัฐบาลดูแล ผมเป็นพนักงานรัฐบาล แล้วก็โชว์บัตร ID พนักงานรัฐ
หารู้ไม่ บัตรนั้น เป็นแค่บัตรประจำตัวประชาชน เลข 13 หลัก ธรรมดาๆ นั่นเอง

เหตุผลก็คือ ให้นักท่องเที่ยวได้ตายใจ เชื่อใจสนิท ก็จะไม่เชื่อได้อย่างไร ขึ้นชื่อว่า "The Land of Smiles" และผู้คนเป็นมิตร

5. คราวนี้นักท่องเที่ยวบางคนก็เริ่มสงสัยขึ้นมานิดละ บางคนก็รู้แล้วครับว่าโดนหลอก แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เพราะจะมีกี่คนที่จะรู้เส้นทางกลับ จะมีกี่คนที่จะโดนตุ๊กๆ ดักตีหัว ก็ต้องทนอยู่จนจบ

คราวนี้จะพาไปที่ Yindee Lapidary Co., Ltd. (1091/75-77 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซอย 33)
ทันทีที่คนขับรถขับพานักท่องเที่ยวมาที่ร้านนี้ คนขับได้รับค่าหัว 200 บาทต่อครั้งแล้ว (ไม่ว่ากี่คนก็ตาม)
เชื่อไหมครับ หลอกได้ตั้งแต่เข้าประตูข้างหน้าร้านไปเลย เมื่อเข้ามาแล้วก็เจ้าของร้านก็จะบอกวิธีดูเพชรแท้จากเพชรปลอม
ผมไม่รู้หละเค้าดูยังไงกัน แต่ก็จะมีเครื่องตรวจเพชรที่ "ปลอม" ได้ใจ (ผลก็คือ เพชรปลอม ตรวจกับเครื่องปลอม ก็ได้เพชรแท้ ง่ายเนอะ)
ไม่พอครับ มีเอกสารรับรองปลอม พร้อมตราประทับปลอมๆ บอกว่า เพชรนี้เป็นของแท้!

หน้าม้าอีกแล้วครับ จะมีคนเข้ามาในร้าน แล้วอยู่ดีๆ ก็คุยกับเจ้าของร้านได้อย่างเป็นกันเองมากๆ แล้วทำเป็นโชว์ใบเสร็จที่เขาได้เงิน
แล้วก็บอกว่า "ผมเนี่ยซื้อหลายอย่างจากที่นี่นะ แล้วก็รวยจากขายเพชรนี่หละ" แล้วก็เดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในวิธีการโน้มน้าวให้ซื้อจากในร้าน เป็นดังนี้:
"เครื่องประดับชุดนี้นะ มีโปรโมชั่นนู่นๆ นี่ๆ บลาๆๆ ถูกกว่าที่อื่น เพราะฉะนั้น คุณซื้อไปวันนี้นะ ทางเราจะส่งเครื่องประดับชุดนี้ทางอากาศไปให้ประเทศคุณ
คุณขายกลับจากประเทศที่คุณอยู่ได้เต็มราคา คุณก็ได้กำไรไง ซึ่งทางร้านผมจะซื้อกลับ ผมถือ Business Passport นะ จะเสียค่า Shipping แพง
แต่ผมก็สามารถเอาค่า Shipping ที่แพงๆ คืนได้เพราะเป็นร้านของรัฐดูแล คุณได้กำไร ผมก็ได้กำไร บลาๆๆ"

เห้ย แนบเนียนได้ใจจริงๆ บอกทุกวิถีทางที่จะให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อของของเค้า หารู้ไม่ โดนโก่งราคาสุดๆ อย่างน้อยก็ 50% เกินราคาจริง
ซึ่งมูลค่าจริงๆ จะต่ำกว่าราคาที่ให้มามากๆ (นี่ขนาดบอกว่าเป็น Promotion แล้วนะ)

ซึ่งนักท่องเที่ยวซื้อไป หมดสิทธิ์เอาเงินคืนครับ เพราะสินค้าจะถูกส่งทางอากาศ พอคนนั้นกลับถือประเทศ ก็จะรู้ว่าราคาจริงๆ ถูกกว่านี้มาก
กว่าจะรู้ว่าโดยโกง ก็สายไปแล้ว ส่วนตุ๊กๆ ก็ได้ค่าหัวจากทางร้านจากการพานักท่องเที่ยวมา ครั้งละ 200 บาท
และยังได้ส่วนแบ่งจากรายได้จากเพชรที่ขายไปยังนักท่องเที่ยว เช่นนักท่องเที่ยวซื้อเพชรได้ 10000 บาท ตุ๊กๆ ได้ไปเลย 3000 บาท
รวยจริงๆ หาไม่ได้แล้วครับงานที่รายได้ต่อวันเท่านี้

6. ในที่สุดตุ๊กๆ คันเดิมก็มาส่งที่นักท่องเที่ยวยังจุดเดิมที่ได้ขึ้นมาแต่แรกโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ (ที่น่าสงสัย) ไม่รู้ลืม

เดี๋ยวผมจะสรุปอีกรอบเกี่ยวกับการทำงานละกัน
1. ตุ๊กๆ เข้าหานักท่องเที่ยวบอกว่า วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ปิด ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
2. ตุ๊กๆ เสนอทัวร์เมืองแค่ 20 บาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
3. พาไปวัดต่างๆ เพื่อเจอคนที่ยืนยันตามที่ตุ๊กๆ ได้บอกไว้
4. ในที่สุดก็พาไปร้านขายเพชรหรือร้านอะไรก็ตาม ที่ตุ๊กๆ ได้ค่าหัว และเจ้าของร้านพยายามให้ซื้อเครื่องประดับที่โก่งราคาสุดๆ
5. พาฝรั่งกลับไปที่เดิม

ที่เล่าไปก็พูดถึงวิธีการทำงานของตุ๊กๆ ที่ผมได้ไปอ่านมาแล้วสรุปในอินเตอร์เน็ตนะครับ ยังมีอีกหลายกลวิธีที่ไม่ได้กล่าวมาอีก

ปกติก็คือ คนไทยจะกลัวการเข้าหาฝรั่งนะครับ แล้วคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง
แต่กลายเป็นว่า ตุ๊กๆ เหล่านี้พูดภาษาอังกฤษอย่างติดจรวด มีการเตรียมมาอย่างดี ก็ให้ระวังนะครับ
มันจับไม่ได้หรอกครับ เยอะเกิน แล้วมันอยู่ที่ตัวคนด้วยที่ทำแบบนี้กัน สำหรับนักท่องเที่ยวก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไป

ที่มา: http://m.pantip.com/topic/34001821?
ขอบคุณกระทู้จากคุณ tem142857 เว็บพันทิป