‘สุเทพ’ให้สิทธิกก.มูลนิธิมวลมหาฯสมัคร-เล่นการเมือง
“สาทิตย์” ระบุ “สุเทพ” ให้สิทธิกก.มูลนิธิมวลมหาฯ สมัคร-เล่นการเมืองได้ ระบุเป็นเรื่องส่วนบุคคล
ปัดตอบเรื่องทิศทางการเมืองในอนาคต ระบุยังอีกยาว
วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่าขณะนี้กรรมการมูลนิธิฯ? ซึ่งลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีเพียงคนเดียว คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ขณะนี้กรรมการฯ?คนอื่น ที่อุปสมบท ได้แก่ นายวิทยา แก้วภราดัย, นายอิสสระ สมชัย, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ถือว่าพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพโดยอัตโนมัติ ส่วนกรรมการมูลนิธิที่ไม่ได้อุปสมบถือว่ายังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เนื่องจากยังไม่ไดลาออก อย่างไรก็ตามในทิศทางทางการเมืองของกรรมการมูลนิธิหรือสมาชิกนั้น นายสุเทพ เคยระบุไว้ว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล และสามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นอกเหนือจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส่วนการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น ขณะนี้ตนยังให้คำตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคตและเป็นเรื่องที่ยาวไกล
นายสาทิตย์ กล่าวย้ำว่าวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งมูลนิธิตามระเบียบทางราชการ กำหนดไว้ว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง และมีข้อกำหนดชัดเจนในประเด็นห้ามบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองใดเท่านั้น ส่วนในกรณีที่อนาคตจะมีการแก้ไขระเบียบให้มูลนิธิทำงานการเมืองได้ และร่างรัฐธรรมนุญกำหนดให้มูลนิธิที่ผ่านการจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมายส่งผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาถือเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้นยังให้คำตอบใดๆ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นนี้ไม่ได้ อย่าไงรก็ตามยืนยันว่ามูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ไม่ใช่กลุ่มการเมือง แม้ผู้ร่วมก่อตั้งจะมาจากอดีตนักการเมืองก็ตาม
“กษิต”รับ “สุเทพ” ทาบทามให้ร่วมงานมูลนิธิฯ
นายกษิต ภิรมย์ คณะทำงานของมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เปิดเผยว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้ทาบทามให้ตนเข้าร่วมขับเคลื่อนงานของมูลนิธิฯ ในด้านการต่างประเทศ?ซึ่งตนใช้เวลาตัดสินใจไม่ได้ เนื่องจากขณะนี้เว้นวางจากการทำงานการเมืองและบทบาทในพรรคประชาธิปัตย์มีไม่มากนัก อย่างไรก็ตามภารกิจแรกของการขับเคลื่อน ตนยังให้รายละเอียดไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากต้องหารือกับคณะทำงานก่อน แต่มีกรอบการทำงานคือจะนำเสนอประเด็นปฏิรูป หรือแผนการพัฒนาในประเด็นต่างๆ เช่น แรงงานไทย, แรงงานต่างด้าว เป็นต้น ทั้งนี้จะไม่เข้าไปแทรกแซงงานของข้าราชการประจำหรือทำในส่วนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เนื่องจากมูลนิธิฯ ไม่ใช่กลไกที่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นายกษิต กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่ต้องชี้แจงอย่างแรก คือ เหตุใดมูลนิธิฯต้องเข้ามาขับเคลื่อนการปฏิรูป เพราะการปฏิรูปถือเป็นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนจากกลุ่มกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ "กปปส." ส่วนปัญหาของไทยกับต่างประเทศ เช่น กรณีปัญหาค้ามนุษย์,? เทียร์3 หรือรายงานของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นปัญหามากว่า 20 ปีแล้ว เป็นที่แน่นอนว่าเราควรแก้ปัญหาได้มากกว่านี้ เพระารัฐบาลมีอำนาจมากมายและมีมาตรา44 ที่สั่งการหน่วยงานที่นอนหลับ ไม่ทำงานเต็มที่ให้ลุกมาทำงานได้ แต่งานของมูลนิธิฯ จะมุ่งแต่เฉพาะประเด็นปฏิรูป หรือเสนอแนวทาง ความเห็นเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ขณะที่ความตั้งใจการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น ถือเป็นประเด็นหนึ่ง และต้องทำความเข้าใจด้วยว่าที่เรามีปัญหามา มีการประท้วง 12 ปี?จนรัฐบาลทหารเข้ามาแทรกแซงนั้นเป็นเพราะปัญหาอะไร และหากจะปฏิรูปต้องดำเนินอย่างไร โดยทั้งหมดจะทำรูปแบบเอกสาร หรือเป็นลายลักษณ์อักษร
*************************************
ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20150730/210715.html