“บิ๊กแจ๊ด” เดินทางกลับบ้านเกิดแล้ว มีแฟนคลับมาต้อนรับคับคั่ง เจ้าตัวถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ก่อนปลีกตัวขึ้นรถเดินทางออกจากสนามบิน ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ด้าน “บิ๊กนวย” ผบช.ภ.1 เตรียมประสานทางการญี่ปุ่นขอข้อมูลการสอบสวน ตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาทำงานพร้อมเชิญอดีตนายตำรวจคนดังเข้าให้ข้อมูล รวมทั้งสอบลึกถึงที่มาของปืนกระบอกปัญหาว่าถูกกฎหมายหรือไม่ ขณะที่ รมว.คมนาคมย้ำพบข้อมูลประจักษ์ชัดว่ามีการนำปืนออกนอกประเทศแน่นอน เตรียมยกเครื่องซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 900 ใหม่ทั้งระบบเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน
กรณีอัยการญี่ปุ่นไม่สั่งฟ้อง “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พร้อมปล่อยตัวกลับประเทศไทยแบบมีเงื่อนไขห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่นอย่างมีกำหนดเวลา หลังถูกตำรวจญี่ปุ่นจับพร้อมปืนพกลูกโม่ .22 ขนาดเล็ก ยี่ห้อนอร์ท อเมริกัน อาร์ม ขณะเตรียมขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับประเทศไทยร่วมกับคณะที่เดินทางไปดูงานกำจัดขยะ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กลับถึงไท
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 ก.ค. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เป็นผู้พิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้ โดย พล.ต.ท.อำนวยเตรียมเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการ หลัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางเข้าประเทศพนักงานสอบสวนอาจต้องเรียก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มาสอบถามรายละเอียดในเรื่องการเดินทางและปืนที่ถูกจับที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอรายละเอียดทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องเรียกคุยทันที เนื่องจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นอดีตนายตำรวจและยังไม่มีความผิด ต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจงอย่างละเอียด
ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวพบข้อมูลประจักษ์ชัดว่ามีการนำปืนออกนอกประเทศแน่นอน โดยผ่านและนำออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้องหารือร่วมกันทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สายการบิน กรมการบินพลเรือน และ บ.ท่าอากาศยานไทย จก. (มหาชน)ว่าจะดำเนินการอย่างไร นอกจากนั้นเห็นควรว่าหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ที่รับผิดชอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีข้อบกพร่อง ให้อาวุธหลุดไปได้อย่างไร ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด มีกรมการบินพลเรือนเป็นแกนนำดำเนินการ เพื่อสอบสวนว่าข้อบกพร่องเป็นเรื่องของการบกพร่องทางด้านบุคลากร หรือบกพร่องทางด้านอุปกรณ์ระบบตรวจสอบ
“นอกจากนั้นเห็นควรให้มีการยกเครื่องซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 900 ใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากพบว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่อาจไม่มีความทันสมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเครื่องดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติในการตรวจจับอาวุธ หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยและครอบคลุมการตรวจจับจะทำให้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต้องรีบเร่งแก้ไขในทางลับและการแก้ไขข้อบกพร่องไม่จำเป็นต้องกระโตกกระตากเพราะอาจส่งผลเสียต่อประเทศชาติได้” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
สำหรับบรรยากาศการเดินทางกลับของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการแชร์ภาพอดีตนายตำรวจคนดังผ่านทางสื่อออนไลน์ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นคุมตัวมาที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลักดันส่งกลับประเทศไทย โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์แต่งกายอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวลายสีเทา กางเกงขายาวสีดำ มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเดินตามประกบไม่ต่ำกว่า 3 นาย พาขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 641 ออกจากสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ในเวลาประมาณ 09.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสนามบินเจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีการแสดงอาการใดๆ
ส่วนที่ประเทศไทยบรรยากาศภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่ช่วงสาย มีสื่อมวลชนทุกแขนงเดินทางมาเฝ้ารอทำข่าวการปรากฏตัวของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเข้มงวดพร้อมจัดระเบียบพื้นที่ทำข่าวของสื่อมวลชนไม่ให้เข้าไปด้านในตัวอาคาร แต่ให้ออกมารอทำข่าวอยู่ด้านนอกที่เกาะกลางตรงประตู 5 ของผู้โดยสารขาเข้า แต่ภายในอาคารพบกลุ่มคนที่เดินทางมาต้อนรับอดีตนายตำรวจคนดังกันอย่างคับคั่ง ทำให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ต้องสั่งการให้ตำรวจที่มารักษาการณ์คุมเข้มทั้งในเรื่องการนำอาวุธเข้ามาและตรวจตราการแทรกซึมของผู้ที่ไม่หวังดีที่อาจเข้ามาสร้างสถานการณ์ กระทั่งเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวลายพิมพ์ผ้าสีเทา เดินออกมาจากจุดรอรับผู้โดยสารในตัวอาคารด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนตรงเข้ามาสวมกอด รับมอบพวงมาลัยดอกไม้จากผู้ที่มาต้อนรับการกลับบ้านทั้งชายและหญิงที่มารอตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า พร่ำพูดขอบคุณ โบกไม้โบกมือเดินออกมาที่ประตู 5 พร้อมยกมือไหว้ทักทายกลุ่มสื่อมวลชน ก่อนขึ้นรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน ษอ 30 กรุงเทพมหานคร ออกไป ในจังหวะเดียวกันนั้นทาง ร.ต.ต.วิชิต สังข์ศาสตร์ อายุ 65 ปี อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.บางพลีน้อย จ.สมุทรปราการ ที่ยืนอยู่ใกล้กลุ่มสื่อมวลชนได้ชูภาพถ่ายขณะที่เจ้าตัวรับโล่รางวัลจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมตะโกนว่า “ผมรักท่านครับ”
อีกด้าน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ให้สัมภาษณ์หลังประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ ชุดสอบสวนเพื่อวางแนวทางการดำเนินคดี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ตามที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.ว่า ได้มอบหมายให้ตำรวจ บก.ภ.จ.สมุทรปราการ ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเฉพาะกิจขึ้นมา โดยมี พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ เป็นหัวหน้าชุดในการทำงาน เนื่องจาก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลการนำปืนเข้า-ออกจากราชอาณาจักรไทยผ่านทางสนามบิน
พล.ต.ท.อำนวยกล่าวต่ออีกว่า ภายในสัปดาห์นี้คณะพนักงานสอบสวนเตรียมยื่นหนังสือเรื่องขอคำให้การของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์จากอัยการญี่ปุ่นโดยผ่านพิธีการตามขั้นตอน ซึ่งนอกจากขอข้อมูลการสอบสวนแล้ว ยังต้องทำเรื่องขออาวุธปืนกระบอกดังกล่าวอีกด้วย หากไม่ได้ปืนกลับมาก็คงไม่เป็นไร แต่สิ่งสำคัญสุดคือคำให้การ เบื้องต้นทราบว่าทางการญี่ปุ่นดูที่เจตนาอัยการจึงไม่สั่งฟ้อง ต้องรอข้อมูลจาก ญี่ปุ่นก่อนจึงทราบว่าจะดำเนินคดีในข้อหาใด นอกจากนี้ ระหว่างที่รอคำสอบสวนจากญี่ปุ่นก็จะเชิญ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เข้าให้ข้อมูลอีกครั้ง ตอนนี้คงต้องให้พักผ่อนเพื่อเตรียมข้อมูล คณะพนักงานสอบสวนจะต้องสอบลึกลงไปถึงที่มาของปืนว่าเป็นปืนถูกกฎหมายหรือไม่ ส่วน บ.ท่าอากาศยานไทย จก. (มหาชน) ต้องเข้าแจ้งความหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นเพราะเป็นความผิดทางอาญา เมื่อตำรวจพบการกระทำผิดซึ่งหน้าก็สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ แต่ตามระเบียบของสนามบินกรณีอาวุธมีดหรือปืนถ้าโหลดไปกับกระเป๋าใต้ท้องเครื่องก็จะถือว่าเจ้าของกับอาวุธแยกจากกันไม่สามารถนำมาก่อเหตุได้ แต่ถ้าเป็นกรณีนำติดตัวหรือใส่ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องถือว่ามีความผิดไม่สามารถทำได้ การตรวจตราจึงมุ่งเน้นหาสิ่งสารเคมีที่สามารถทำปฏิกิริยาเป็นระเบิด ยืนยันว่าสนามบินไทยมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลก
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีทางการญี่ปุ่นส่งตัว พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.กลับประเทศไทยว่า ไม่มีหน้าที่แสดงความยินดีต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพราะเคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่น หวังว่าหากเกิดกรณีเช่นนี้ในอนาคตกับนักท่องเที่ยวไทย อัยการญี่ปุ่นควรใช้มาตรฐานเดียวกัน เชื่อว่า การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยและ สตช. จะกล้าดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพราะทางการญี่ปุ่นสอบสวนชัดเจนแล้วว่าปืนพร้อมเครื่องกระสุนกระบอกดังกล่าวเป็นปืนเถื่อน การพกพาปืนเถื่อนพร้อมกระสุนไปในที่สาธารณะแล้วนำผ่านเครื่องตรวจสอบซีทีเอ็กซ์ขึ้นอากาศยานจากประเทศไทยไปญี่ปุ่น ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เชื่อว่าสังคมจับตาดูเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องว่าจะปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร รวมทั้งอัยการไทยว่าจะสั่งคดีเหมือนหรือต่างกับอัยการญี่ปุ่นหรือไม่
เย็นวันเดียวกันผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปทุมธานี รายงานบรรยากาศที่มูลนิธิมงคลจงกล ธูปกระจ่าง (คลินิกการแพทย์แผนไทย) เลขที่ 191 หมู่ 4 ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. ใช้เป็นที่รักษาคนไข้ เป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงคนงานชายรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ตนเป็นเพียงคนงานเฝ้าสถานที่พยาบาลไม่ทราบว่าคุณหมอหรือท่านคำรณวิทย์จะกลับมาเมื่อใดและไม่มีผู้ใดแจ้ง ส่วนประตูที่ต้องปิดนั้น หลังจากที่นางจงกลผู้เป็นมารดานายตำรวจคนดัง มาทำพิธีกราบไหว้พระราหูเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่มีผู้ใดเดินทางมาอีกเลย นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังพบว่าที่บ้านพักอีกหลังบริเวณหลังวัดหงษ์ปทุมาวาส ต.บางปรอก อ.เมืองปทุมธานี บรรยากาศดูเงียบไปถนัดตาเช่นกัน สอบถามคนใกล้ชิด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทราบเพียงว่าเจ้าตัวขอพักผ่อนและอยู่เงียบๆสักระยะ
********************************
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/511716
********************************
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/511716