'บิ๊กตู่' ลั่นคนโกงต้องไม่มีที่ยืน งัด ม.44 วางกลไกปราบเบ็ดเสร็จ

07:55 by

“ประยุทธ์” โววางกลไกปราบโกงเบ็ดเสร็จ ย้ำคนโดน ม.44 เด้ง หากสอบแล้วไม่ผิดได้กลับที่เดิม ขู่เอกชนร่วมทำผิดใช้ ก.ม.ไล่สอบภาษี แจงแก้ภัยแล้งเต็มที่ แต่ติดน้ำน้อย-ฝนไม่ตก ขอ ปชช.มีน้ำใจต่อกัน วอนคนเมืองช่วยประหยัดน้ำ หวังยื้อได้ถึง ส.ค. ...

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 17 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ว่า เรื่องการต่อต้านการทุจริตถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาล และ คสช.ให้ความสำคัญ ซึ่งการที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนนั้น ต้องอาศัยการปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมให้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนให้เห็นว่าการโกงเป็นเรื่องน่ารังเกียจ คนโกงต้องไม่มีที่ยืนในสังคม และเป็นรากฐานสำคัญเพื่อทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ

ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้มีความจริงจังที่จะดำเนินการลงโทษคนที่ทุจริตอย่างเป็นรูปธรรมตาม ขั้นตอนของกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตด้วยว่า รัฐบาลได้ปฏิรูปการให้บริการภาครัฐเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมความเข้มแข็ง ให้เข้าถึงบริการภาครัฐ ให้ “เร็วขึ้น ง่ายขึ้น แต่ถูกลง” โดยได้ออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยหน่วยงานภาครัฐจะต้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนที่อธิบายรายละเอียดของการบริการไว้ หากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นไปตามคู่มือฯ ก็แสดงถึงการส่อทุจริต หรือไม่มีประสิทธิภาพ ก็สามารถร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม–ศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน พร้อมทั้งยกระดับการบังคับใช้มาตรการทางปกครองทางวินัยอย่างเด็ดขาด

พร้อมย้ำ ที่ผ่านมามาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ถูกนำมาใช้เพื่อเข้าไปบริหารดำเนินการและสนับสนุน การทำงานของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

“สำหรับผู้ที่ถูกปรับย้ายออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวน โดยเรายังถือว่าไม่มีความผิดใดๆ เมื่อสอบสวนเสร็จมีความผิดจริงก็ต้องรับโทษทั้งทางวินัยและทางอาญา แต่หากไม่ผิดก็สามารถกลับมารับราชการได้เหมือนเดิม”

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ใช้มาตรการทางภาษีเป็นเครื่องมือการตรวจสอบเชิงรุกสำหรับ ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริต ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหา หรือในส่วนของเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระทำผิด จะมีการตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และตามประมวลรัษฎากรตรวจสอบบุคคลผู้มีเงินได้เสียภาษีว่าครบถ้วน-ถูกต้อง หรือไม่ พร้อมทั้งปรับปรุง แก้ไข และยกระดับกฎระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างเดิมมีเพียงระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ให้เป็น พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันการทุจริต ไม่ให้นักการเมืองทุจริต หรือข้าราชการคอร์รัปชัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้ง ว่า แม้เราจะวิกฤติน้ำ แต่เชื่อว่าคนไทยเราไม่เคยแล้งน้ำใจ วันนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้ร่วมมือกัน แสดงให้เห็นถึงความรักความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมที่จะเสียสละแบ่งปันกันเพื่อส่วนรวม ไม่เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ต้นทุนน้ำเรามีน้อยมาก ฝนก็ไม่ตก น้ำในเขื่อนก็น้อยมาก เราก็จำเป็นต้องมีการประหยัดน้ำ เพราะฉะนั้น คนเมือง ชุมชนก็ต้องช่วยกันประหยัดน้ำ จนถึงเกษตรกรที่เราไม่สามารถส่งน้ำให้ได้ เนื่องจากต้องเก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภค ต้องใช้น้ำให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด รักษาน้ำให้ได้ไปถึงเดือนสิงหาคม ถ้าฝนไม่ตกอีกก็จะเป็นปัญหาต่อไป ก็ขอให้ฟังแล้วก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ ผู้ที่เสียหายก็กำลังหาทางพิจารณาดูแล คาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้การเดินหน้าของรัฐบาลและ คสช.ได้เดินหน้ามาสู่ระยะที่ 2 เหลือระยะที่ 3 ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งเป็นเรื่องของการมีรัฐบาลในโอกาสต่อไป เมื่อมีความพร้อมของรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ และการเลือกตั้งก็เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วเดิม อย่าให้มีความขัดแย้งกันอีกต่อไป ในเรื่องของโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลในเรื่องเศรษฐกิจการลงทุนของประเทศ อยากให้รัฐมนตรี ข้าราชการทุกกระทรวงทุกฝ่ายได้ไปเร่งรัดการดำเนินการ ที่ผ่านมานั้นเราได้แก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย ลดขั้นตอนลดระยะเวลาต่างๆ ไปเรียบร้อยหมดแล้ว วันนี้ก็ต้องมาจับต้องว่ากิจกรรมที่สั่งไปแล้วทั้ง 5 กลุ่มงานคืบหน้าถึงไหน ภายในเดือนกันยานนี้ต้องรายงานให้ตนทราบ เพื่อพิจารณาการดำเนินการในระยะต่อไป

นายกฯ ยังกล่าวฝากไปถึงภาคประชาชนและภาคประชาสังคมด้วยว่า วันนี้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ค่อนข้างจะทำได้ยาก ในส่วนขอโครงการที่มีขนาดใหญ่ และมีผลในเรื่องของการลงทุน เช่น การบริหารจัดการพลังงาน, ขยะ, โรงไฟฟ้า หรือท่าเรือ ซึ่งอาจมีผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ แต่หากโครงการเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ การจ้างงานสร้างอาชีพก็เกิดไม่ได้ ถ้าโครงการเหล่านี้เกิดได้ในพื้นที่ ก็ได้สั่งการไปแล้วว่าขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ก่อน จะมีการดูแลเยียวยาให้เหมาะสม เมื่อใดก็ตามที่มีประโยชน์เกิดขึ้นอยู่ตรงนั้น ประชาชนเหล่านั้นจะต้องได้รับประโยชน์เป็นอันดับแรก มีสิทธิต่างๆมากกว่าคนอื่นในการที่จะได้รับผลตอบแทน หรือจะประกอบการอะไรต่างๆ

“หลายเรื่องเราต้องทำนะครับ ถ้าไม่ทำวันนี้ วันหน้าก็เกิดขึ้นไม่ได้ วันนี้ทุกคนก็บ่นว่า เศรษฐกิจมันไม่ดี การลงทุนมันไม่เกิด ก็วันนี้ผมไล่ดูแล้ว ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่งบประมาณอย่างเดียว งบประมาณจัดไปแล้ว แต่มันทำไม่ได้ การทำประชาพิจารณ์ก็ไม่ผ่าน EIA EHIA จะทำยังไง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ โรงไฟฟ้า โรงงานขยะ แล้วก็ในส่วนของการลงทุนสาธารณูปโภคต่างๆ ถนนหนทาง เพราะฉะนั้น ขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ต้องเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ใช่บอกว่ามันเกิดตรงนี้พื้นที่เดือดร้อน แต่ตรงนี้ต้องเกิดประโยชน์กับทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.

*******************************************
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/512396