พล.ต.อ.พงศพัศ เยี่ยม ครูน้อย หวังช่วยเหลือปลดหนี้นอกระบบนับล้านบาท ด้านครูน้อย ยัน หากปลดหนี้สำเร็จจะไม่กู้หนี้ยืมสินมาอีก รับ คิดจะทำสถานเลี้ยงเด็กไปอีกไม่เกิน 3 ปี ไม่ไหวแล้ว เพราะป่วยเป็นเบาหวาน
จากกรณีที่ นางนวลน้อย ทิมกุล หรือ “ครูน้อย” อายุ 73 ปี ผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย ประกาศจะขายบ้าน และยุติการดำเนินการอุปการะเด็กยากไร้ เนื่องจากประสบปัญหาทางสภาพเศรษฐกิจ และมีอาการเจ็บป่วยจากโรคเบาหวาน ในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ทำให้มีหลายฝ่ายเกิดความห่วงใย และพยายามหาทางช่วยเหลือให้ครูน้อยสู้ต่อไปตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ก.ค. 58 พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.วจ. พ.ต.อ.เจษฎา สวยสม ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และ พ.ต.ท.ชรินทร์ บัวเผื่อนหอม รอง ผกก.ป.สน.ราษฎร์บูรณะ เป็นตัวแทนนำกระเช้าผลไม้ จาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เข้าเยี่ยมนางนวลน้อยที่บ้าน ซึ่งเปิดเป็นสถานเลี้ยงเด็กยากจน เลขที่ 319 หมู่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 แขวง-เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ ยังได้นำคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาบาดแผลโรคเบาหวานจากโรงพยาบาลตำรวจ มาตรวจบาดแผลที่เท้าข้างซ้ายให้นางนวลน้อยด้วย ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ กล่าวว่า เมื่อปี 2533 เคยเกิดวิกฤติขึ้นที่บ้านครูน้อยมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากครูน้อย มีการไปกู้หนี้ยืมสินจากนายทุนนอกระบบ จำนวน 24 ราย มาเลี้ยงอุปการะเด็กๆ ในความดูแล ทำให้มีหนี้สูงถึง 10,643,000 บาท ช่วงนั้นตนได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ให้จนเหลือ 3,000,000 บาท และเปิดบัญชีบริจาคในชื่อ “ปลดทุกข์ครูน้อย” ระดมเงินจากผู้ให้การช่วยเหลือเข้ามา 2,119 ราย ยอดรวม 3,285,000 บาท เพื่อส่งมอบเงินคืนให้เจ้าหนี้ทั้ง 24 ราย โดยส่วนที่เหลืออีก 285,000 บาท นั้นได้มอบให้ครูน้อยไปใช้สงเคราะห์เด็กตามเจตนารมณ์ที่ตั้งเอาไว้
สำหรับการเดินทางมาวันนี้ เนื่องจากทราบข่าวครูน้อย ประสบปัญหาอีกครั้ง และตัดสินใจจะปิดบ้านเลิกรับอุปการะเด็กๆ ทั้งที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 2523 ทำอย่างตั้งใจ และใช้ความอดทนบากบั่นมานานกว่า 30 ปี จึงอยากเดินทางมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งก็ทำให้ทราบว่า นอกจากเรื่องปัญหาสุขภาพแล้ว ครูน้อย ยังต้องดิ้นรนไปกู้เงินนอกระบบมาเลี้ยงเด็กๆ อีก เพราะรายรับจากผู้ให้การสงเคราะห์ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงเด็กในปัจจุบันที่มีอยู่ จำนวน 65 คน จนยอดหนี้สินนอกระบบขณะนี้พบว่า มีประมาณ 1,000,000 บาท ซึ่งตนจะนำเรียน พล.ต.อ.สมยศ พร้อมประสานกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาหาทางช่วยเหลือต่อไป
“แนวทางความช่วยเหลือหลังจากนี้ คือ ให้ครูน้อย เรียกเจ้าหนี้ที่เคยกู้ยืมกันเข้ามาพูดคุย ตนจะสอบถามว่าจ่ายคืนไปแล้วอย่างไรบ้าง จากนั้นจะปรึกษากับ ท่าน ผบ.ตร. เพื่อระดมทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธา และพรรคพวกเพื่อนฝูงเข้ามาจัดการให้ แต่ตนจะให้ครูน้อยสัญญาว่า หลังจากนี้จะรับเลี้ยงเด็กๆ อย่างมีเหตุผล เอาเท่าที่พอรับผิดชอบได้ จากที่เคยจ่ายให้เท่าไหร่อาจต้องลดจำนวนเงินลง เพื่อความอยู่รอดของตัวครูน้อยเอง นอกจากนี้จะเรียกผู้ปกครองของเด็กๆ ในความรับผิดชอบเข้ามาพูดคุยด้วย ครอบครัวไหนพอจะดูแลกันเองได้ก็ให้ช่วยกันก่อน ไม่ใช่จะมาให้ครูน้อย ช่วยเพียงอย่างเดียว ซึ่งในวันนี้ ครูน้อย ก็รับปากกับตนแล้วว่า จะไม่ไปหากู้เงินนอกระบบมาเลี้ยงเด็กๆ อีก” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน นางนวลน้อย กล่าวว่า ทุกวันนี้มีภาระค่าใช้จ่ายให้เด็กๆ ในความดูแลไปโรงเรียน รวม 3,500 บาท จ่ายเงินค่าพนักงานในบ้านครูน้อย 8 คน คนละ 250 บาท ต่อวัน ยังไม่รวมค่าอาหารการกิน ซึ่งเฉลี่ยแล้วต้องใช้เงินวันละ 6,500 บาท ต้องบอกว่า ความช่วยเหลือของ ท่าน รอง ผบ.ตร. เมื่อปี 2533 นั้นถือเป็นพระคุณต่อบ้านครูน้อยมาก แต่ก็ยังมีคนโจมตีหาว่า ครูน้อย เอาเงินไปซื้อรถป้ายแดง ไปซื้อที่ดิน ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ทุกวันนี้มีแต่หนี้ที่กู้ยืมมาอุปการะเด็กๆ ลูกๆ ตนต้องเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับธนาคารเพื่อใช้หนี้ ขณะผ่อนจ่ายไปจนเหลือราวๆ 2,000,000 บาท ยอมรับทีแรกจะประกาศขายบ้านในราคา 6,500,000 บาท เพื่อนำเงินมาชดใช้เจ้าหนี้ ทั้งในระบบ นอกระบบ และจะหยุดรับอุปการะเด็ก เนื่องจากแบกรับภาระไม่ไหว ประกอบกับลูกๆ ก็ขอร้องให้หยุด และกลับมาดูแลตัวเองก่อน แต่ตอนนี้ตนคงต้องตัดสินใจใหม่เพื่อให้เด็กๆ ทั้ง 65 คน ได้รับการดูแล ต่อไป
“การช่วยเหลือจาก พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ ที่เดินทางมาหนนี้ หากปลดหนี้ได้หมด ตนก็ยอมรับปากว่า จะไม่กู้หนี้สินนอกระบบมาอีก ทั้งที่จริงแล้วตนก็เกรงใจเจ้าหนี้ เนื่องจากแต่ละรายทราบปัญหาดี และส่วนใหญ่ก็ทนไม่ได้ต้องให้ความช่วยเหลือ เพราะตนติดต่อไปขอร้องหยิบยืมเงินมาเลี้ยงเด็กๆ ที่ผ่านมา ตนต้องโกหกลูกๆ ว่า ไม่มีปัญหาอะไรแต่ลูกๆ ก็รับรู้มาตลอดว่า แม่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาทำแบบนี้ โดยเขียนจดหมายมาขอร้องให้หยุดแต่มันหยุดไม่ได้ หากสิ้นเดือนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อยไม่ปิดตัวลง ตนก็คิดไว้แล้วว่า จะรับอุปการะเด็กๆ ได้อีกไม่เกิน 3 ปี เพราะร่างกายก็เริ่มไม่ไหว เพราะมีบาดแผลจากการตัดนิ้วเท้าข้างซ้ายด้วยโรคเบาหวาน จนไม่สามารถเดินเหินได้อย่างแต่ก่อน” นางนวลน้อย กล่าว.
******************************
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/511866